เสียงธรรมจากห้อง “เมตตาภิรมย์กรรมฐาน”
วันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม 2568
เรื่อง กรรมฐานต้านภัยสงคราม
โดย อาจารย์คณานันท์ ทวีโภค
กำหนดสติในความรู้สึกตัวทั่วพร้อม ผ่อนคลายปล่อยวาง กายจิตปล่อยวาง ความรู้สึกทั่วร่างกายปล่อยวาง วางร่างกายเพื่อให้จิตแยกรูปแยกนาม วางร่างกายตัดขันธ์ 5 ปล่อยวางความรู้สึกผัสสะความกังวล อาการทางกายทั้งหมดปล่อยวาง จนปรากฏความสงบของใจ
จากนั้นกำหนดรู้ในลมหายใจ กำหนดน้อมนึกให้เห็นว่าลมหายใจเป็นเหมือนกับแพรวไหม พลิ้วผ่านเข้าออกในกาย สติตามรู้ในลมตลอดทั้งสายตลอดทั้งกองลมนั้น ลมหายใจยิ่งละเอียดอารมณ์จิตยิ่งเบาสบาย อยู่กับลมหายใจสบาย อยู่กับอารมณ์จิตที่เบาสบาย ทรงอารมณ์สงบเบาละเอียด ประคับประคองอารมณ์พระกรรมฐานให้มีความราบรื่นสม่ำเสมอตั้งมั่นไว้ เมื่อจิตสงบละเอียดลงลึกไป เรากำหนดใจของเราให้เบาขึ้นอีกนิดหนึ่ง เป็นอุปจารสมาธิ มีความเบา มีความสบาย อารมณ์จิตสำคัญในอานาปานสติก็คือ อารมณ์ใจที่สบาย ปราศจากความหนักความวิตกกังวลทั้งหลาย ปล่อยวางให้หมด ใจสบายสงบ
เมื่อจิตของเราเบาสบายดีแล้ว เราก็เดินจิตเข้าสู่ฌานสมาบัติที่สูงขึ้น จากลมสบาย ก็กำหนดให้จิตรวมตัวเป็นหนึ่ง ตั้งมั่น หยุดจิต นิ่งหยุด เป็นเอกัคคตารมณ์ เป็นอุเบกขารมณ์ เป็นจิตที่ตั้งมั่นเด็ดเดี่ยวมั่นคง เป็นจิตที่รวมมีพลัง นิ่งหยุด ทรงอารมณ์ทรงสภาวะในอารมณ์นิ่งหยุดตั้งมั่น ฌาน 4 ในอานาปานสติ
เมื่อจิตนิ่งสงบทรงตัวเข้าถึงเอกัคคตารมณ์ เรากำหนดรู้การใช้งานของกรรมฐาน การใช้งานของฌาน 4 ในการที่เราหยุดจิตนั้น เราก็หยุดจิตรวมตั้งมั่นเป็นหนึ่งแล้วอธิษฐาน จิตที่ปักจิตที่รวมจิตที่ตั้งมั่น เกิดกำลังจิตตานุภาพ ทำให้แรงอธิษฐานทั้งหลาย กลายเป็นอภิญญาเป็นจริงตามที่เราตั้งจิตไว้ จิตที่หยุดที่ตั้งมั่นนั้นเป็นจิตที่ปราศจากนิวรณ์ 5 ปราศจากกิเลส โดยเฉพาะอย่างยิ่งจิตที่ปราศจากความลังเลสงสัย กำหนดรู้ นิ่งหยุด
จากนั้นเดินจิตต่อ ขึ้นไปสู่สมถะกรรมฐานในกสิณ จากจุดที่หยุดที่นิ่งที่ตั้งมั่น เราก็กำหนดต่อไป จากจุดกลายเป็นเส้นวงกลม 2 มิติ จากเส้นวงกลม 2 มิติกลายเป็นดวงแก้ว จากดวงแก้วค่อยๆ ใสขึ้น มีลักษณะเป็น 3 มิติ จากดวงแก้วที่เป็น 3 มิติ ยิ่งใสยิ่งสว่างขึ้น ดวงแก้วที่ใสที่สว่างนี้ คือกสิณที่เรียกว่า “อุคคหนิมิต” จากอุคคหนิมิต เรากำหนดจิตต่อไป ให้ดวงแก้วนั้นปรากฏสภาวะเป็นเพชรประกายพรึกระยิบระยับ มีรัศมีส่องสว่าง เมื่อกำหนดปฏิภาคนิมิตได้แล้ว เราจึงอธิษฐานตั้งจิตเชื่อมโยงเป็นหนึ่ง จิตคือกสิณ กสิณคือจิต กสิณมีอภิญญาฤทธิ์จิตตานุภาพประการใดก็ตาม ก็ขอให้เป็นไปด้วยจิตอธิษฐานของข้าพเจ้า นึกคิดสิ่งใดก็เป็นไปตามนั้น จิตที่เป็นปฏิภาคนิมิตปรากฏมีเส้นแสงรัศมี ตัวดวงจิตมีความเป็นเพชรระยิบระยับแพรวพราว พ้นเลยจากเส้นรัศมีของจิต ปรากฏขึ้น มีอาณาบริเวณ มีสภาวะความเป็นทิพย์ เป็นปริมณฑลคลุมอาณาบริเวณกว้างไกลออกไป มีความเป็นกากเพชรพร่างพรายรายรอบ ระยิบระยับแพรวพราวเต็มอาณาบริเวณไปหมด เราก็กำหนดทรงอารมณ์จิตที่เป็นปฏิภาคนิมิตเต็มกำลัง จิตที่ประภัสสรนี้อธิษฐานให้ในอาณาบริเวณที่มีสภาวะความเป็นทิพย์คลุมอยู่จากกำลังของจิต ปราศจากสิ่งที่เป็นอวิชชาคุณไสยใดๆ สิ่งที่เป็นอัปมงคลใด ๆ สิ่งที่เป็นอกุศลอวิชชาทั้งหลาย ที่จะแทรกจะซึมเข้ามาในอาณาบริเวณ มาแทรกมาทับซ้อนมาสิงใจของเราได้
กำหนดเปล่งประกายจิตที่เป็นปฏิภาคนิมิตนี้ ว่าจิตของข้าพเจ้ามีแต่ความผ่องใส จิตข้าพเจ้าเข้าถึงสภาวะจิตเดิมแท้อันเป็นประภัสสร จิตข้าพเจ้าเข้าถึงสภาวะความเป็นทิพย์อภิญญา จิตข้าพเจ้ามีรัศมีจิตที่แผ่กระจายออกไปเป็นคลื่นเป็นกระแสแห่งเมตตาอันไม่มีประมาณ สิ่งใดที่สอดที่แทรก สิ่งใดที่เป็นอกุศลเป็นอวิชชา สิ่งใดที่เป็นคลื่นของจิตที่คิดร้ายคิดลบ สิ่งใดที่เป็นคุณไสยกระทำมา เราไม่ขอรับ ขอจิตอันเป็นประภัสสร คลื่นรัศมีของจิตอันเป็นปฏิภาคนิมิตนี้ ขอจงเป็นมหาสะท้อนย้อนกลับไป เราไม่รับฉันใดสิ่งนั้นก็กลับคืนไปฉันนั้น มหาสะท้อนจากจิตของบุคคลที่ปราศจากความคิดร้าย จิตที่เป็นกุศลผ่องใสเต็มกำลังนั้น มีกำลังมหาสะท้อนโดยธรรมชาติ กำหนดทรงอารมณ์ไว้ จิตประภัสสร จิตตั้งมั่น จิตมั่นคง จิตไม่มีความเกรงกลัวในสิ่งใด จิตมีความตั้งมั่นอาจหาญในธรรม สงบนิ่ง สว่าง ผ่องใส ตั้งใจว่าข้าพเจ้าปฏิบัติกำลังอันเป็นรากฐานแห่งพระกรรมฐานในสมถะ ทรงกรรมฐานทรงฌาน 4 เต็มกำลัง ทรงกสิณ จิตเปล่งประกายพรึกเต็มกำลัง
จากนั้นอธิษฐานจิตต่อไป ขอบารมีพระพุทธองค์ทรงสงเคราะห์ ขอเมตตาเสด็จลงมาสถิตรักษาในจิตในใจของข้าพเจ้า กำลังพุทธานุภาพอันไม่มีประมาณมีสักประการใดก็ตาม กำลังพุทธบารมีของพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ มีสมเด็จองค์ปฐมทรงเป็นประธาน ขอจงมาสถิตอยู่กลางจิตกลางใจของข้าพเจ้า ณ บัดนี้
จากนั้นกำหนดอธิษฐานให้จิตที่เป็นเพชรประกายพรึกมีองค์พระอยู่ภายใน เปล่งประกายแสงสว่างเป็นกำลังพุทธบารมีเป็นกำลังพุทธานุภาพ เปล่งประกายสว่างเต็มกำลัง ทรงอารมณ์ไว้ ให้จิตเราที่มีองค์พระอยู่ภายในเปล่งประกาย ความสว่างความผ่องใส กระแสพลังของพุทธานุภาพ เปล่งประกายทะลุออกมาจากกายเนื้อกายทิพย์ของเรา ออกมาจากดวงจิตของเรา กำหนดรู้ว่ากำลังของพระพุทธเจ้าพุทธานุภาพนั้นไม่มีที่สุดไม่มีประมาณ ไม่มีคนใดไม่มีมนุษย์ใดและก็ไม่มีแม้เทวดาพรหมท่านใด ที่จะมีบุญบารมียิ่งไปกว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระจอมไตรศาสดา ผู้เป็นเลิศในสามโลกนี้ พ้นจากโลก พ้นจากวัฏสงสาร ทรงในความพระมหากรุณาธิคุณ พระเมตตาธิคุณ พระบริสุทธิคุณ กำหนดให้ใจเรารู้เช่นนี้ มีพระพุทธองค์ทรงเป็นหลักชัยในจิตของเรา ยิ่งจิตเรามีความเชื่อมั่นว่าไม่มีสิ่งใดเหนือพุทธานุภาพได้ จิตเราก็จะมีกำลังตบะเดชะในจิต กล้าแข็งเข้มข้นตั้งมั่นเพียงนั้น ไม่มีสิ่งใดทำให้หวั่น ไม่มีสิ่งใดทำให้ไหวลงไปได้ ทรงอารมณ์จิตกำลังพุทธานุภาพอยู่กลางจิตกลางใจเต็มกำลัง
เมื่อทรงอารมณ์จนมีความตั้งมั่นดีแล้ว เราก็อธิษฐานจิต ยกจิตอทิสมานกายพุ่งขึ้นไปบนพระนิพพาน ขอกำลังพุทธานุภาพ น้อมนำจิตข้าพเจ้าพุ่งขึ้นไปบนพระนิพพาน ไปปรากฏในสภาวะความเป็นกายพระวิสุทธิเทพอยู่บนพระนิพพาน กายผ่องใสสว่างอย่างยิ่ง กำลังมโนมยิทธิเต็มกำลัง สว่างแพรวพราวระยิบระยับละเอียดอย่างยิ่ง เมื่อขึ้นไปปรากฏแล้วก็น้อมจิตแยกอทิสมานกายกราบทุกท่านทุกๆพระองค์ ในมหาสมาคมบนพระนิพพาน อันมีสมเด็จองค์ปฐมทรงเป็นประธานอยู่ท่ามกลางพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระอรหันต์ทุกๆพระองค์บนพระนิพพาน กำหนดแยกอทิสมานกายกราบทุกท่านทุกๆพระองค์
เมื่อกราบแล้ว เราก็อธิษฐานจิต พิจารณาธรรมะของพระพุทธเจ้า ว่าในชาตินี้ ข้าพเจ้าทั้งหลายปฏิบัติเพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง ชาติภพทั้งหลาย ความเป็นมนุษย์ก็ดี ความเป็นเทวดาก็ดี ความเป็นพรหมก็ดี เราไม่ปรารถนา โลกนี้ สังสารวัฏนี้ มีแต่ความวุ่นวาย ด้วยความโลภโกรธหลง โลกนี้วุ่นวายหนอ โลกนี้ไม่เที่ยงหนอ โลกนี้มีความเสื่อมมีความสลายไปในที่สุด ทั้งสามโลก คือไม่ว่าจะเป็นทุคติภูมิก็เสวยทุกขเวทนา โลกมนุษย์ก็มีแต่ความวุ่นวายจากความโลภโกรธหลง จากสงคราม จากการประหัตประหารกัน ทำร้ายใส่ร้ายกันไป แม้แต่สุขคติภูมิสวรรค์ก็ไม่เที่ยง มีการหมดบุญไปในที่สุด เราพิจารณาแล้วก็เห็นคุณของพระนิพพาน กำหนดว่าจิตเราตั้งมั่นปักไว้อยู่กับพระนิพพานเป็นที่สุด กำหนดในความเป็นกายพระวิสุทธิเทพที่สว่างขึ้น ใสขึ้น แพรวพราวขึ้น
เมื่อกำหนดได้แล้วเราก็อธิษฐานจิตต่อไป ตั้งใจอธิษฐานต่อหน้าสมเด็จองค์ปฐม ขออาราธนาบารมีหลวงพ่อฤาษี หลวงปู่ปาน ครูบาอาจารย์ที่เราเคารพนับถือ ที่ท่านเป็นพระอริยเจ้าอริยสงฆ์ เมตตามาปรากฏ จากนั้นอธิษฐาน ว่าในขณะที่ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่บนโลกมนุษย์ มีกายเนื้อขันธ์ 5 เป็นคนไทย ข้าพเจ้ามีความกตัญญูต่อแผ่นดินชาติบ้านเมือง การที่ข้าพเจ้าปกปักรักษา ประเทศชาติให้ดำรงคงอยู่ในความเป็นเอกราชนั้น จิตข้าพเจ้าเห็นในความไม่เที่ยง เห็นในสมมุติ ว่า การที่ข้าพเจ้าเกิดมานี้ก็เป็นสมมุติ สมมุติว่าเป็นคนไทย สมมุติว่ามีชื่อนี้นามนั้น ทุกอย่างเป็นสมมติทั้งสิ้น แต่เหตุที่ข้าพเจ้าพิทักษ์รักษาผืนแผ่นดินนี้ไว้ กำหนดน้อมขอให้เห็นภาพทุกสิ่งทุกอย่าง ญาณเครื่องรู้ปรากฏขึ้นเต็มกำลัง การที่ข้าพเจ้าทั้งหลายพิทักษ์รักษาผืนแผ่นดิน เพราะผืนแผ่นดินนี้เป็นผืนแผ่นดินที่พระพุทธองค์ทรงได้เสด็จมาประทับ และตรัสฝากแผ่นดินนี้ไว้ เป็นที่จำรัสจารึกพระบวรพระพุทธศาสนา ให้มั่นคงตั้งมั่นตราบห้าพันปี ดังนั้นไม่ว่าในดินแดนแห่งนี้ จะมีเหตุเภทภัยประการใดก็ตาม จะมีศึกสงครามคราใดก็ตาม จะมีวิกฤตการณ์ใดก็ตาม ผืนแผ่นดินนี้ไม่อาจเสียเอกราชไปได้ ไม่อาจจะถูกเบียดเบียนเปลี่ยนศาสนาไปได้
ให้เราย้อนขอให้ญาณเครื่องรู้ปรากฏ เห็นภาพตั้งแต่ขอมดำมายึดผืนแผ่นดินนี้ก็มีปรากฏ คือบารมีของพระเจ้าพรหมมหาราชเสด็จจุติมาเกิด มานำชัยนำเอกราชประกาศอิสรภาพให้กับชาติไทย ในสมัยโยนกนคร หลายคนก็เคยเกิดในแผ่นดินยุคนี้ หรือในครั้งศึกสงครามในสมัยกรุงศรีอยุธยา พอแผ่นดินไทยเสียให้กับพม่า ก็ปรากฏพระนเรศวรมหาราชเป็นเจ้า เสด็จจุติลงมาเพื่อกอบกู้แผ่นดินไทย หรือต่อมาในครั้งเสียกรุงศรีอยุธยาในครั้งที่ 2 ก็ปรากฏพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงนำชัยประกาศเอกราช ชนะศึกพม่า พาไทยกลับมาเป็นไทยได้อีกครั้งหนึ่ง หรือแม้กระทั่งต่อมาในยุคของกรุงรัตนโกสินทร์ ไทยเราถูกต่างชาติฝรั่งเศส พยายามที่จะแบ่งแยกดินแดน พยายามที่จะยึดครองประเทศทั้งหมด แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระปิยมหาราชรัชกาลที่ 5 หรือที่เราเรียกว่าเสด็จพ่อ ร 5 ก็ทรงใช้ความปรีชาชาญนำพาไทยให้รอดพ้นจากวิกฤติทั้งจากประเทศอังกฤษและฝรั่งเศสมาได้ ไม่ถูกยึดครอง ไม่ถูกเปลี่ยนศาสนา หรือแม้แต่กระทั่งเมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 เราเป็นฝ่ายที่ไปเข้ากับญี่ปุ่น พอญี่ปุ่นแพ้สงคราม เราก็เกือบที่จะกลายเป็นประเทศที่แพ้สงครามตามญี่ปุ่นไปด้วย แต่ถึงเวลาในหลวงรัชกาลที่ 8 ท่านก็ทรงสามารถที่จะนำพาประเทศไทย โดยใช้กุศโลบาย ว่าไทยนั้นมีกลุ่มเสรีไทยที่ช่วยเหลือทางฝั่งสัมพันธมิตรอยู่เบื้องหลัง เราเข้ากับญี่ปุ่นเพราะถูกบังคับ ไทยเราก็เลยรอดพ้นจากการถูกยึดครองประเทศเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศสไปได้อีกครั้งหนึ่ง ในครั้งนี้มีศึกสงครามกับประเทศเขมร ไทยเราก็ย่อมไม่แพ้สงครามแน่นอน ให้เรากำหนดดูด้วยความเป็นทิพย์ ขอญาณด้วยกำลังพุทธานุภาพของพระพุทธองค์ ทรงเมตตาสงเคราะห์ กระแสของประเทศไทยนั้น จริงอยู่ที่มีทั้งคนดีมีทั้งคนชั่ว มีทั้งบุคคลที่เป็นภัยต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มีแม้แต่บุคคลที่เป็นอลัชชีในผ้าเหลือง แต่ถึงกระนั้นประเทศไทยก็ยังมีพระอริยเจ้าพระอริยสงฆ์ พระสุปฏิปันโน พระโพธิสัตว์เป็นจำนวนมาก กำหนดรู้ขอบารมีพระพุทธองค์ทรงสงเคราะห์ ขอญาณเครื่องรู้ของข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอจงปรากฏรู้ เห็นภาพครูบาอาจารย์ที่ท่านเป็นพระสุปฏิปันโน พระอริยเจ้า พระอริยสงฆ์ ครูบาอาจารย์ที่ท่านเป็นพระโพธิสัตว์ ขอจงปรากฏรู้ขึ้นในจิตของข้าพเจ้าเป็นปัจจัตตัง
จากนั้นเราแต่ละคน ก็น้อมจิตกราบท่านด้วยความเคารพด้วยความนอบน้อม ขอน้อมกราบอาราธนาบารมีครูบาอาจารย์ท่าน เมตตาปกปักรักษาคุ้มครองผืนแผ่นดินไทยนี้ เหตุผลที่เรารักษา เหตุผลที่เราต้องช่วยกัน ไม่ละเลย ไม่เพิกเฉย เพราะเราทำหน้าที่นี้ รักษาผืนแผ่นดินไทย เอกราชชาติไทย ไว้เพื่อจำรัสจารึกพระพุทธศาสนาให้ต่อเนื่องยืนยงตราบ 5000 ปี ต่อไปให้ลูกให้หลาน พอเรารู้ปฏิปทามั่นคงแล้ว เราก็น้อมจิตขอบารมีพระพุทธองค์ ขอบารมีหลวงพ่อเมตตาสงเคราะห์ ขออาราธนาดวงพระวิญญาณแห่งบูรพมหากษัตราธิราชในอดีต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ขออาราธนาบารมีพระสยามเทวาธิราชทุกๆพระองค์ คือดวงจิตของเทพพรหมเทวดาจะองค์ใดก็ตาม ที่มีปฏิปทามีจิตตั้งมั่น ว่าเป็นเทพเป็นพรหม ท่านจะอยู่ชั้นใดก็ตาม แต่ท่านตั้งอธิษฐานไว้ว่าจะใช้บุญฤทธิ์ คือ อิทธิฤทธิ์ เทพฤทธิ์ พรหมฤทธิ์ ของท่าน ในการคุ้มครองประเทศไทย เพื่อเป็นที่จารึกพระพุทธศาสนาไว้เช่นเดียวกับที่ได้กล่าวมาแล้ว ขอให้ทุกท่านทุกๆพระองค์ได้เมตตาปรากฏขึ้นเต็มกำลังภพครบทุกพระองค์ด้วยเทอญ
เมื่อท่านทั้งหลายมาปรากฏอยู่เบื้องหน้าอทิสมานกายของเราทั้งหลายแล้ว เราก็น้อมจิตกราบท่านด้วยความนอบน้อมด้วยความเคารพ น้อมจิตกราบท่าน ตั้งจิตอธิษฐาน ว่าทานศีลภาวนาที่ข้าพเจ้าทั้งหลาย ได้ปฏิบัติมาดีแล้ว ได้บำเพ็ญมาดีแล้ว ได้ฝึกมาดีแล้ว ได้ขัดเกลามาดีแล้ว ขอกำลังบุญทานศีลภาวนา สมถะวิปัสสนาญาณ ฌานสมาบัติทั้งหลาย ญาณทั้งหลาย ขอน้อมถวายต่อทุกท่านทุกๆพระองค์ ขอจงก่อเกิดเป็นบุญฤทธิ์อิทธิฤทธิ์เทพฤทธิ์พรหมฤทธิ์ ยังดวงพระวิญญาณขององค์บูรพมหากษัตราธิราช บรรพบุรุษแม่ทัพเอกทั้งหลายในอดีตชาติ ตลอดรวมจนถึงดวงวิญญาณความศักดิ์สิทธิ์ของพระสยามเทวาธิราช จงปรากฏเพิ่มพูนขึ้นยิ่งขึ้นสว่างขึ้น กำหนดจิตน้อมถวายบุญน้อมถวายกุศลถึงท่าน และตั้งจิตอธิษฐานขอบารมีพระพุทธองค์บารมีหลวงพ่อสงเคราะห์ ขอให้ดวงวิญญาณทหารหาญที่พลีชีพในศึกกัมพูชาครั้งนี้ทั้ง 15 ท่านได้ปรากฏขึ้น ขอน้อมบุญกุศล อุทิศตรงถึงทุกท่าน ขอจงปรับภพภูมิสู่ภพภูมิที่เหมาะสมคู่ควรกับท่าน กำหนดรู้แผ่เมตตาปรับภพภูมิ ถ้าบางคนเขาแสดงอาการแสดงความรู้สึกอยากคุยกับเรา ก็กำหนดรู้ หลายท่านยังห่วง คือห่วงภรรยาห่วงลูกของตนอยู่ แต่สิ่งสำคัญที่เราทำหน้าที่ในฐานะผู้เจริญพระกรรมฐาน ลูกหลานหลวงพ่อฤาษี ที่มีหน้าที่พิทักษ์รักษาชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เรามีหน้าที่ที่จะต้องนำพาดวงจิตทุกท่าน ขึ้นสู่สุคติภูมิ ขอบุญจงสำเร็จถึงทุกท่าน บางท่านก็ไปปรากฏอยู่ที่ชั้นจาตุมหาราชิกา บางท่านก็ปรากฏภพภูมิอยู่ที่ชั้นภุมเทวดา บางท่านก็ปรากฏภพภูมิขึ้นไปที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ กำหนดน้อมขอกุศลจงสำเร็จประโยชน์ และขอให้ท่านทั้งหลายเกิดบุญฤทธิ์อิทธิฤทธิ์เทพฤทธิ์ พิทักษ์รักษาคุ้มครองชาติบ้านเมืองแผ่นดิน มีกำลังพิทักษ์รักษาคุ้มครอง เพื่อนทหารหาญร่วมหน่วยร่วมรบร่วมกรมกองกับท่านด้วยเทอญ
จากนั้นกำหนดจิตต่อไป ด้วยความเป็นทิพย์ ขอบารมีพระพุทธองค์ทรงสงเคราะห์ ขอให้ข้าพเจ้าทั้งหลาย ได้เห็นเป็นปัจจุปปันนังสญาณควบกับทิพยจักษุญาณในความเป็นทิพย์ เห็นดวงจิตดวงวิญญาณ ณ บริเวณชายแดนจะในเขตแดนของข้าศึกก็ดี ในเขตแดนที่ตั้งประชิดกับไทยก็ดี ขอให้เห็นในสภาวะความเป็นทิพย์ เห็นดวงจิตดวงวิญญาณทั้งหลาย ได้เห็นไหม ยังเดินกันอยู่มากไหม ยืนร้องไห้กันมากไหม บางคนมีจิตแค้นไหม ส่วนใหญ่ให้เราดู เป็นดวงจิตที่คิดถึงบ้าน คิดถึงลูกเมีย ธรรมดาของนักรบตั้งแต่สมัยโบราณกาล เรารบเพราะทำหน้าที่ตามหน้าที่ความเป็นทหารของชาตินั้น แต่เมื่อตายไปแล้วก็สิ้นจากสมมุติ เป็นเพียงจิตดวงหนึ่ง เป็นจิตดวงเดียวที่ท่องเที่ยวไปตามวาระของบุญกรรมของตน หมดจากสมมุติ ตัวเราเองที่เป็นผู้ปฏิบัติธรรมเราก็ปล่อยวาง เมตตา อโหสิกรรม เราน้อมกระแสจากพระนิพพานพร้อมกับกระแสจิตของเราลงไปยังดวงจิตดวงวิญญาณทั้งหลาย อาราธนาบารมีสมเด็จองค์ปฐม อาราธนาบารมีพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ อาราธนาบารมีพระโพธิสัตว์เจ้าทั้งหลาย ครูบาอาจารย์ของเรา น้อมกระแสปรับภพภูมิลงไป เป็นคลื่นเป็นกระแสเป็นความสงบเย็น เป็นแสงสว่างแห่งบุญกุศล สลายล้างความอาฆาตพยาบาทจองเวรทั้งปวง สลายล้างความเครียดแค้นทั้งปวง สลายล้างความทุกข์ความเศร้าหมองทั้งปวง แผ่เมตตาสว่าง ดวงจิตใดที่เสวยความทุกข์อยู่ ก็ขอให้พ้นจากความทุกข์ ดวงจิตใดที่เร่าร้อนจากความโกรธความเกลียดความอาฆาตพยาบาทจองเวร ขอจงอโหสิกรรม อโหสิกรรม อโหสิกรรม ขอจงสลายล้างความเร่าร้อนดับร้อนนั้นด้วยกระแสเมตตาปล่อยวาง แผ่เมตตาปรับภพภูมิดวงจิตทั้งหลาย ท่านที่เสวยความทุกข์ก็ขอให้พ้นจากทุกข์ ท่านที่โมทนาบุญได้ปล่อยวางได้ก็ขอจงปรับภพภูมิสู่ภพภูมิที่เป็นสุข สงบ สันติ เมตตาอภัยสันติ เมตตาอภัยสันติ เมตตาอภัยสันติ กำหนดน้อมรวมลงจนเขาคุกเข่าพนมมือกลายเป็นแสงสว่างไป
เมื่อปรับภพภูมิให้กับบรรดาดวงจิตดวงวิญญาณทั้งหลาย ไม่มีคนทำบุญให้ ไม่มีคนเก็บศพไป ไม่มีพิธีกรรมทางศาสนา เราช่วยเราเกื้อกูลเราสงเคราะห์ด้วยเมตตา ดวงจิตดวงวิญญาณทั้งหลายก็พ้นจากความทุกข์
พิจารณาด้วยอนาคตังสญาณด้วยความเป็นทิพย์ การที่เราทำเช่นนี้เป็นประโยชน์หลายส่วน
- คือดับความโกรธความอาฆาตพยาบาทในจิตเราเอง
- โปรดเกื้อกูลสงเคราะห์ดวงจิตที่ตกทุกข์ได้ยากเสวยวิบาก เมตตาสงเคราะห์เกื้อกูลปรับภพภูมิไป
- เพื่อเป็นประโยชน์กับผืนแผ่นดินนี้เอง ไม่ให้มีพลังงานมีกระแสกรรมมีคลื่นพลังงานที่เป็นอัปมงคลที่เป็นลบที่เป็นอาถรรพ์ แผ่เมตตาสลายอาถรรพ์ทั้งหลายออกไป
ข้อต่อไปก็คือ เมื่อจิตวิญญาณเขาปรับภพภูมิออกไปแล้ว กระแสความอาฆาตแค้นพยาบาทเจือจาง อโหสิกรรมกันไปแล้ว การที่บุคคลที่เขาใช้อวิชชาหมอผีทั้งหลายของข้าศึกศัตรู ซึ่งเขาเหี้ยม เขาใช้ดวงจิตดวงวิญญาณของทหารที่ตายนั้น มาทำเป็นอวิชชาคุณไสยก็ดี ใช้กระดูกผีตายโหงที่ตายจากสงครามนี้มาทำอวิชชาคุณไสยก็ดี พอเราปรับภพภูมิไปแล้ว สลายล้างพลังคลื่นของความโกรธแค้นอาฆาตพยาบาทไปแล้ว สิ่งต่างๆเหล่านั้นก็คลายกำลังลงไป อ่อนกำลังลงไป กระแสเมตตาจำไว้ว่าชนะทุกสิ่ง พระธุดงค์เวลาที่ไปธุดงค์ ไปกราบลาพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าบอกว่าอาวุธของพระธุดงค์เธอพกไปหรือยัง อาวุธของพระธุดงค์ก็คือเมตตา กระแสเมตตาชนะทุกสิ่ง แผ่เมตตาสลายล้างอวิชชาทั้งปวง ขออวิชชาทั้งหลายไม่อาจกระทำย่ำยีในผืนแผ่นดินนี้ไปได้
จากนั้นสิ่งที่เราต้องทำต่อไปเพื่อช่วยชาติบ้านเมืองก็คือ ตั้งจิตน้อมอาราธนากระแสบุญศักดิ์สิทธิ์จากพระนิพพาน ขออาราธนาบารมีพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ อาราธนาบารมีพระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระองค์ อาราธนาบารมีพระอรหันต์ทุกๆพระองค์ พระอริยเจ้าทุกๆพระองค์ พระสุปฏิปันโนพระโพธิสัตว์เจ้าทุกๆพระองค์ รวมลงเป็นกระแสบุญศักดิ์สิทธิ์จากพระนิพพาน ลงมาปรากฏเป็นยันต์เกราะเพชร คลุมคุ้มครองผืนแผ่นดินประเทศไทยทั้งหมด
จากนั้นอธิษฐานจิตขอกระแสบุญจากพระนิพพาน ปรากฏความเป็นทิพย์ด้วยพุทธานุภาพ ประทับปรากฏเป็นยันต์พิชัยสงคราม บนธงชาติทุกผืน คลุมทุกฐานทัพตลอดแนวชายแดนทั้งหมด ขออาราธนายันต์เกราะเพชรเป็นกรณีพิเศษ เป็นกำลังพุทธานุภาพอันไม่มีประมาณ ประทับลงกลางอก กลางกระหม่อม กลางแผ่นหลังตลอดทั่วกายของทหารหาญของประเทศไทยทุกคน ขอกำลังพุทธานุภาพคุ้มครองรักษา ขอกำลังพุทธานุภาพลงมาสถิตอยู่ในยันต์เกราะเพชรแสนผืน ผ้ายันต์ผ้าประเจียด พระเครื่องพระบูชาที่ทหารหาญทุกคนได้พกพา แม้กระทั่งสิ่งที่เป็นชายผ้าถุงของแม่ ทุกสิ่งที่ทหารศรัทธา เหรียญบาทเพียง 1 เหรียญที่มีพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวง ขอจงเกิดความศักดิ์สิทธิ์ ขอจงเกิดความอัศจรรย์ ขอจงเกิดความคงกระพันชาตรี ขอจงเกิดความแคล้วคลาดจากภัยทั้งปวง ขอทหารทั้งหลายมีกำลังใจ มีกำลังกาย มีกำลังบุญคุ้มครองพิทักษ์รักษาชาติแผ่นดินไทยนี้ ให้จารึกพระพุทธศาสนาได้อย่างมั่นคงตราบห้าพันปีด้วยเทอญ อธิษฐานจิตให้เป็นแสงสว่างลงมา อธิษฐานจิตจนมองเห็นว่ามีเป็นกำแพงแก้ว เป็นธงมหาพิชัยสงคราม เป็นกำแพงกั้นอวิชชาคุณไสยทั้งหลาย ที่เขมรส่งมาขอจงสลายตัวเป็นมหาสะท้อนไปจนหมดสิ้น
กำหนดน้อมจิตขอบารมีพระพิจารณาดู เครื่องรางของขลังพลังของทหารฝ่ายไทยนั้น เป็นกำลังพุทธานุภาพ เป็นกำลังที่ประสิทธิ์ประสาทอาราธนาโดยพระสุปฏิปันโนครูบาอาจารย์ที่ท่านเป็นพระอริยเจ้าพระอริยสงฆ์พระโพธิสัตว์ ส่วนทางฝ่ายเขมรนั้น ให้เราน้อมดู ว่าเป็นแสงสว่างหรือเป็นความดำมืด เป็นกำลังพุทธานุภาพหรือเป็นไสยเวทย์ของดำของต่ำ กำหนดน้อมให้เห็น แล้วก็กำหนดว่าเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว จะมีสิ่งใดที่จะเอาชนะพุทธานุภาพของพระพุทธเจ้า ขอเพียงเราทั้งหลายมีความมั่นคงในพระรัตนตรัย ขอเราทั้งหลายช่วยกันอธิษฐานจิต อาราธนาบารมีพระคลุมทหารทุกคน ตอนนี้ให้เราทำ ช่วยกัน ถือว่าเราทำเป็นกองทัพธรรม หน้าที่ของเรานั้น อยู่ในขอบเขตที่พระท่านอนุญาต เราใช้กำลังของพุทธานุภาพ กำลังฌานสมาบัติ ใช้กำลังของกสิณจิต มโนมยิทธิ อภิญญา เราใช้ในขอบเขตที่ไม่ผิดศีล 5 คือ ใช้เพื่อปกปักรักษาคุ้มครองทหารไทยคือฝ่ายของเรานั้นให้ปลอดภัย นั่นก็คือเป็นการช่วยชีวิตซึ่งไม่ผิด เราไม่ได้ใช้สมาธิจิตไปเพ่งไปทำร้ายไปประหัตประหารฝ่ายตรงข้าม เราใช้เพื่อโปรด เพื่อปกป้อง เพื่อคุ้มครองประเทศไทย ทหารไทย ชีวิตของคนไทย ดังนั้นสิ่งนี้ก็ไม่ผิดศีล สามารถกระทำได้ตามที่ท่านอนุญาต ฝ่ายปราบเป็นหน้าที่ของทหาร ฝ่ายโปรดเป็นหน้าที่ของกองทัพฝ่ายธรรม
ตอนนี้ก็ให้เรากำหนดจิต เราคุ้มครองทหารหาญ ส่วนการที่เขาทำหน้าที่ปกปักรักษาคุ้มครองบ้านเมือง ก็เป็นส่วนเป็นหน้าที่ของฝ่ายปราบ เป็นหน้าที่ของแต่ละบุคคล กรรมตรงจุดนั้นเราอุเบกขา เราเพียงแค่ช่วยคนให้ปลอดภัย กำหนดรู้ด้วยความเป็นทิพย์ญาณเครื่องรู้ครอบคลุมด้วยกำลังของพุทธานุภาพ กำหนดเห็นทหารหาญทุกคน ทั้ง 6 แสนคนที่ประจำการอยู่ทั่วประเทศไทย อธิษฐานขอพุทธานุภาพองค์พระคลุมทหารแยกแต่ละบุคคล หากไม่เกินกรรมและกฎของกรรม หากไม่เกินวาระกรรม ก็ขอให้ท่านทั้งหลายรอดปลอดภัย มีชีวิตรอดแคล้วคลาดจากภยันอันตรายทั้งปวง ขอกำลังพุทธานุภาพเป็นกำลังชาตรี จากหนักก็ขอให้เบา จากเบาก็ขอให้ไม่เป็นอะไร ตามวาระตามเหตุตามปัจจัย ขออาราธนาบารมี น้อมรวมบุญกุศลของทหารแต่ละบุคคล ขอทานศีลภาวนาของทหารแต่ละท่านแต่ละนายแต่ละบุคคล จงมารวมตัวกัน ขอพุทธานุภาพจงมาคลุมมาคุ้มครองรักษา ขอบุญกุศลความกตัญญูต่อชาติบ้านเมืองจงส่งผล เป็นเกราะแก้วคุ้มครองทหารหาญทั้ง 4 เหล่าทัพ คือทัพบกทัพเรือทัพอากาศ และตำรวจคือตำรวจตระเวนชายแดน ตำรวจที่เข้ามาร่วมรบด้วยทุกคนทุกนาย เรากำหนดจิตอธิษฐานให้ ถ้าคนไหนมีจิตศรัทธา เราก็กำหนดยกจิตขึ้นมาใช้กำลังฌานสมาบัติเต็มกำลัง คุ้มครองรักษาทำแบบนี้ทุกวัน คือ คลุมบ้านเมือง คลุมชายแดน อธิษฐานอาราธนาบารมีพระมาตรึงชายแดน อธิษฐานขออาราธนาเป็นองค์พระขนาดใหญ่ เสด็จมาประทับอยู่เหนือบังเกอร์อยู่เหนือฐานทัพ คลุมเป็นเกราะแก้วไว้ อธิษฐานขอบารมีพระลงมาคลุมทหารไทยที่ออกไปลาดตะเวน ออกไปรบ หรือออกไปรักษาการ อธิษฐานขอให้คาถากำบังบังบดคุ้มครองไม่ให้หน่วยสอดแนมทั้งหลายของข้าศึก มองเห็นฐานทัพของเราได้ถนัด กำหนดจิตใช้กำลังสมาธิ กำลังเมตตาที่จิตเรามีเมตตา ไม่อยากให้ทหารไทยเป็นภยันอันตราย ขอบารมีพระคลุมเต็มกำลัง
จากนั้นก็กำหนดรู้ อารมณ์ใจอารมณ์สมถะ อารมณ์สมาธินั้น มีการใช้งานต่างกัน ที่เราฝึกที่เราปฏิบัติส่วนใหญ่ก็จะเป็นกำลังของสมาธิ เพื่อพิจารณาธรรม เพื่อตัดกิเลส แต่ในขณะเดียวกันก็มีสมาธิมีกรรมฐาน ในอารมณ์จิตที่เอามาใช้ในยามที่ต้องรบ ในยามที่ต้องเผชิญกับศึกสงคราม จุดที่ใช้เช่นเวลาการที่เราจะว่าคาถา ครูบาอาจารย์ท่านก็สอน สำหรับคนที่เขาไม่ได้ฌานสมาบัติ เวลาจะว่าคาถาให้ศักดิ์สิทธิ์ ท่านก็ให้ใช้หัวแม่เท้ากดจิกไปที่แผ่นดิน ก็คือภาษาโบราณเขาเรียกว่าใช้หัวแม่ตีนเหนี่ยวพระธรณี ก็คือกดจิกนิ่ง พอทำแบบนี้ปุ๊บ จิตก็จะรวมเป็นหนึ่งได้ง่าย เราว่าคาถา การที่ให้เหนี่ยวจิกใช้หัวแม่โป้งจิกแม่พระธรณีนั้น ก็คือเพื่อน้อมเนื่องเกี่ยวโยงรำลึกถึงบุญกุศลที่เราเคยสร้าง เคยหยาดน้ำก็คือกรวดน้ำ เวลาสร้างบุญสร้างกุศลลงไปยังแม่พระธรณี จิตเราก็ขอเอาแม่พระธรณีเป็นที่ตั้ง รวมเหนี่ยวไว้จิกไว้ แล้วก็ว่าคาถา คาถาก็จะมีความศักดิ์สิทธิ์เพราะจิตมันรวมตัว อันนี้ประการที่หนึ่ง
ประการที่สองก็คือถึงเวลา บางตัวบางสมาธิที่อาจารย์บอกให้ข้ามไป เพราะว่าใช้ในการเจริญกรรมฐาน เพื่อฝึกมโนมยิทธิมันไม่จำเป็นต้องใช้นะ เจริญวิปัสสนาญาณต้องไม่ต้องใช้เลย แต่พอจะมาใช้ในเรื่องของศึกสงครามจำเป็น ปีติที่ทำให้ตัวสั่น ภาวนาแล้วตัวสั่นพับๆ ๆ นั้นกลับสำคัญกับการปลุกตัว กับคาถาที่เกี่ยวข้องกับวิชาคงกระพันชาตรี ยิ่งปลุกตัวจนสั่นขึ้นมาได้ รู้สึกถึงการสั่นชัดเจน คาถามันปลุกขึ้นในตัว อดีนาลีนในตัวก็จะหลั่งเพิ่มขึ้น กำลังพุทธานุภาพก็จะปรากฏเพิ่มขึ้น ตรงนี้ก็ยังจำเป็นต้องใช้ ตลอดรวมจนถึงกำลังใจเวลาที่เราเจริญพระกรรมฐาน เราใช้ความละเอียดอ่อนโยนเมตตา แต่พอถึงเวลาที่ต้องใช้ในเรื่องของคงกระพันชาตรี มันต้องมีอารมณ์จิตที่ตั้งมั่นฮึกเหิมเด็ดเดี่ยว มีความเข้มแข็ง มีกำลังประดุจเหมือนจิตจะทะยานพุ่งออกไปพร้อมสู้พร้อมรบตลอดเวลา ดังนั้นอารมณ์ที่ใช้ก็มีความแตกต่างกัน ถ้าหากใครที่มีลูกมีหลานที่จะออกไปรบ เป็นตำรวจทหาร หรือผู้ที่เราพอแนะนำได้ เราก็ควรจะแนะนำกรรมฐานสำหรับในช่วงศึกสงคราม เพื่อที่ได้เป็นประโยชน์ต่อทหารหาญทั้งหลายต่อไป
สำหรับวันนี้ก็สมควรกับเวลา เราก็ตั้งจิตต่อไป กำหนดรู้ในความเป็นกายพระวิสุทธิเทพอยู่บนพระนิพพาน เหตุการณ์ต่างๆ เวลาที่เราอยู่หน้างานประสานงานทำงานทางโลก ที่ต้องประสานช่วยเหลือทหารหาญ เราก็ทำไปตามหน้าที่ แต่พอเสร็จเราก็ปล่อยวาง พิจารณาให้เห็นความทุกข์ความวุ่นวายของโลก พิจารณาเพื่อให้จิตเราเห็นคุณของพระนิพพาน อยากออกจากโลกให้มากขึ้น โลกนี้มันก็วุ่นวาย มีสงครามแบบนี้วุ่นวายแบบนี้ เกิดอีกก็พบเจอเรื่องแบบนี้อีก บางคนเกิดมานานคิดว่า ชาตินี้เราโชคดีไม่เจอ ในที่สุดก็เจอ ปล่อยวาง ทรงอารมณ์ทรงสภาวะในความเป็นกายพระวิสุทธิเทพให้สว่างผ่องใสที่สุด
จากนั้นอาราธนากระแสจากพระนิพพานลงมาอีกครั้งหนึ่ง คุ้มครองประเทศไทยเป็นแสงสว่าง คลุมเป็นยันต์เกราะเพชรคลุมทั้งหมด คุ้มครองเขตพระพุทธศาสนาทุกแห่ง ขอกระแสมรรคผลพระนิพพาน กระแสพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพอันบริสุทธิ์ หลั่งไหลลงมาชำระล้างทำความสะอาดกายจิต สถานที่บุคคลพุทธบริษัท 4 ทั้งหลาย ให้มีแต่บุญมีการกุศล มีแต่ความดี มีแต่กระแสมรรคผลพระนิพพาน น้อมกระแสบุญกุศลลงมายังสถาบันพระมหากษัตริย์ คุ้มครองรักษา และสิ่งสำคัญที่อาจารย์กล่าวเสมอคือน้อมกระแสลงมา คุ้มครองรักษาบุคคลทั้งหลายที่มีจิตใจกตัญญูรู้คุณบ้านเมือง สร้างคุณประโยชน์ต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ด้วยความจริงใจ ณ กาลบัดนี้ ในยามศึกสงครามเราก็ได้เห็นแล้ว ว่าบุคคลที่อาจารย์ได้กล่าวถึง ก็ปรากฏตัวขึ้นมากขึ้น เราได้รู้ได้เห็นมากขึ้น ขอกระแสจากพระนิพพานลงมาคุ้มครองบุคคลทั้งหลายเหล่านั้น ที่ทำประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง ทำหน้าที่จิตอาสา ทำหน้าที่ปกป้องชาติราชบัลลังก์อย่างชัดเจน ขอบุญจงส่งผลโดยตรง ขอคุ้มครองให้ปลอดภัยจากภัยทั้งปวง
จากนั้นแผ่เมตตาลงมายัง 3 โลก น้อมกระแสจากพระนิพพานแผ่เมตตาลงมา แผ่เมตตาลงไปยังอรูปพรหมทั้งหลาย แผ่เมตตาไปยังพรหมโลกทั้ง 16 ชั้น แผ่เมตตาลงไปยังอากาศเทวดาทั้ง 6 ชั้น แผ่เมตตาลงไปยังภพภูมิของรุกขเทวดาภุมเทวดาทั้งหลาย แผ่เมตตาลงไปยังมนุษย์โลก มนุษย์และสัตว์ที่มีร่างกายขันธ์ 5 กายเนื้อทุกดวงดาวทั่วจักรวาล แผ่เมตตาลงไปยังบรรดาดวงจิตโอปปาติกะสัมภเวสีทั้งหลาย แผ่เมตตาลงไปยังบรรดาสรรพสัตว์ทั้งหลายที่เสวยวิบากเป็นเปรตอสุรกาย แผ่เมตตาลงไปยังบรรดาสัตว์นรกทั้งหลายทุกขุม แผ่เมตตาเปิด 3 ภพภูมิ ขอสรรพสัตว์จงพ้นจากความทุกข์ ที่ประสบความสุขอยู่แล้วก็ขอให้สุขยิ่งขึ้นไป ขอสรรพสัตว์ทั้งหลายจงพ้นจากวัฏสงสาร เข้าถึงซึ่งพระนิพพานอันเป็นเอกบรมสุข ขอสรรพสัตว์ทั้งหลายจงดับล้างสลายความโกรธแค้นอาฆาตพยาบาทจองเวรทั้งปวง สัพเพสัตตา ขอจงพ้นทุกข์
จากนั้นแยกอทิสมานกายของเรา กราบลาทุกท่านทุกๆพระองค์บนพระนิพพาน เมื่อกราบลาแล้วก็อธิษฐาน อาราธนากระแสจากพระนิพพาน ลงมาฟอกร่างกายธาตุขันธ์ กายทิพย์ของเราพุ่งลงมายังกายเนื้อบนโลกมนุษย์ ธาตุธรรมฟอกธาตุขันธ์ โรคภัยไข้เจ็บสลายล้างหายไปจนหมด ผมขนเล็บฟันหนังกลายเป็นแก้วใส โครงกระดูกกลายเป็นแก้วใส หลอดเลือดเส้นเอ็นกลายเป็นแก้วใส เซลล์ทุกเซลล์อาการทั้ง 32 กล้ามเนื้อทุกส่วนกลายเป็นแก้วใส โรคภัยไข้เจ็บสลายตัว เนื้องอกเซลล์มะเร็งสลายตัว เชื้อโรคทั้งหลายสลายตัว สารพิษขับสลายออกไปทางอุจจาระปัสสาวะ ออกไปจากรูขุมขน สลายตัวออกไปจนหมด กายจิตโล่งเบาปลอดโปร่งสว่าง เป็นมงคล เป็นกุศล จิตมีความผ่องใส มีความแช่มชื่น แม้ในยามศึกสงครามมีความวุ่นวาย มีกระแสการฆ่าฟันความแค้นความเกลียดชัง แต่จิตเราสงบ ผ่องใส เมตตา ปล่อยวาง กำหนดรู้แยกสมมุติจากวิมุต ทำหน้าที่โดยที่จิตเราไม่เศร้าหมอง ทุกอย่างเป็นเพียงแค่บทของละครฉากหนึ่งที่เรามาเกิดบนโลกมนุษย์ จิตบริสุทธิ์วิมุตหมดจดทุกคนทุกรูปด้วยเทอญ
จากนั้นหายใจเข้าลึกๆช้าๆ หายใจเข้าช้าๆสบายๆเบาๆ หายใจเข้าพุท ออกโธ ครั้งที่ 2 ธัมโม ครั้งที่ 3 สังโฆ จิตผ่องใสสะอาดบริสุทธิ์ จิตแย้มยิ้มเบิกบาน โมทนาบุญกับเพื่อนๆที่ปฏิบัติเจริญพระกรรมฐาน กัลยาณมิตรทุกคนที่นำพากุศลให้ก่อเกิดขึ้น ที่ช่วยกันคุ้มครองพิทักษ์รักษาชาติบ้านเมืองด้วยกำลังความเป็นทิพย์ สมาธิจิตกรรมฐาน สำหรับพรุ่งนี้อาจารย์ก็จะเป็นตัวแทนพวกเราทุกคนไปถวายมหาสังฆทานที่บ้านสายลมเวลา 10.00 น ก็ให้เราทุกคนร่วมจิตร่วมใจ น้อมจิตถึงให้บุญกุศลจงสำเร็จประโยชน์ ให้กำลังบุญทานศีลภาวนามาคุ้มครองเราทุกคน คุ้มครองชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ คุ้มครองทหารหาญทุกคน
สำหรับวันนี้ก็ขอโมทนาบุญกับทุกคน สวัสดี
ถอดเสียงและเรียบเรียงโดย : คุณรัตนา